เมื่อการทำงานประจำกำลังสูญพันธุ์






เมื่อการทำงานประจำกำลังสูญพันธุ์  » งานที่ดี... ในสายตาคน 4 Generation 
       
   ย้อนกลับไปซัก 40 ปีก่อน... 
       คำว่า 'งานที่ดี' ในสายตาคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ (ปัจจุบันอายุช่วง 52-70 ปี) แตกต่างจากยุคปัจจุบัน   พวกเขาได้รับการสอนมาว่า ให้ตั้งใจเรียน จบมารับราชการ ทำงานรัฐวิสาหกิจ เป็นเจ้าคนนายคน  งานมั่นคงที่สุด ไม่มีเลย์ออฟ ชามเหล็กตกไม่แตก มีกินมีใช้   บางคนมีรถหลวงบ้านหลวงอยู่อาศัยได้ทั้งชีวิต เงินเดือนก็ขึ้นตลอด   ถึงกับมีคำกล่าวว่า 'สิบพ่อค้าไม่เท่าหนึ่งพระยาเลี้ยง'
       แต่ในยุคปัจจุบัน..ปัญหาคือ 
- เงินเดือนเริ่มต้น ของ งานราชการ งานรัฐวิสาหกิจ ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเอกชน   -
- โอกาสในการเติบโตก็ยากกว่า  เพราะ  มีระบบอาวุโสที่เคร่งครัด
- โอกาสในการแสดงความสามารถขออาสารับทำงานสำคัญก็ยาก เพราะ 
   มีระบบชั้นการบังคับบัญชาที่ลึกล้ำ และ  ยังมีระบบพิเศษที่ผูกติดกับระบบอุปถัมภ์ค่อนข้างมากระดับลึกซึ้ง ฯลฯ
ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุที่ 'คนรุ่นใหม่' ที่ต้องการความสำเร็จเร็ว จึงมักจะปฏิเสธงานราชการ

        ย้อนกลับไปซัก 20-30 ปีก่อน...
        คำว่า 'งานที่ดี' ในสายตาคนรุ่นGen. X (ปัจจุบันอายุช่วง 36-51 ปี) คือ งานในองค์กรเอกชน เงินเดือนสูง  ยิ่งถ้ามีความมั่นคงด้วย แบบ งานธนาคาร งานบริษัทน้ำมัน งานบริษัทสื่อสาร องค์กรใหญ่ ยิ่งเป็นงานในฝัน
         โอกาสในการไต่เต้า (career path) เปิดกว้าง ทำงานซัก 20 ปี ก็ได้เป็นผู้จัดการ ผู้อำนวยการ หลังอายุ 40 ปี มีทั้ง เงินเดือนสูง มีทั้งตำแหน่งสูง
       แต่ในยุคปัจจุบัน..ปัญหาของงานเอกชน คือ เงินเดือนเริ่มต้นที่เคยสูง กลับไม่สูงอย่างอดีต     ท่านเชื่อหรือไม่ว่า เงินเดือนวิศวกร สตาร์ท 15,000 บาท เป็นเงินเดือนเริ่มต้นตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว  กระทั่งปัจจุบันนี้ ก็ยังมีหลายบริษัทให้สตาร์ทที่ 15,000 บาทเหมือนเดิม อีกทั้งโอกาสในการไต่เต้าก้าวหน้าก็ตีบตันลง  เพราะ คนปลายยุคเบบี้บูมเมอร์ และ คนยุคGen. X ยึดกุมตำแหน่งสำคัญในองค์กรเอกชนใหญ่ ไว้เกือบหมด
        และที่สำคัญที่สุด อัตราการขึ้นเงินเดือน ที่เคยมีอย่างน้อย 10% ในอดีต ตอนนี้เฉลี่ยขึ้นเงินเดือนกันที่ 3-5% เท่านั้น



        ย้อนกลับไปซัก 10 ปีก่อน...
       คำว่า 'งานที่ดี' ในสายตาคนรุ่นGen. Y (ปัจจุบันอายุช่วง 21-35 ปี) เริ่มเบนออกจากคำว่า 'งานประจำเพราะ การต้องตรากตรำทำงาน 20 ปี กว่าจะได้ลืมตาอ้าปาก   
       คนGen. Y ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีคงรอไม่ไหว อีกทั้งงานประจำเอกชนสมัยนี้เงินเดือนขึ้นช้า โบนัสน้อยลงมาก   แถมยังมีความมั่นคงในอาชีพน้อยกว่ายุคเก่าอย่างมาก
มีข่าวการเลย์ออฟไล่ออกให้ได้ยินเป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี
        ในขณะที่คนเจน Y ต้องการทุ่มเททำงานหนักเพื่อแสดงความสามารถเต็มที่ต้องการการยอมรับ ต้องการจับงานใหญ่ ต้องการทำงานหนัก 5-10 ปี แล้วคุ้มค่ากับการทุ่มเท ... 
         นี่จึงเป็นที่มาของงานฟรีแลนซ์ที่คนทำงานประจำออกมารับงานอิสระ ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย  แต่ถ้าเมื่อไหร่ ได้เป็นมือวางอันดับต้น ในความเชี่ยวชาญงานสายฟรีแลนซ์นั้น งานจะไหลมาเทมา ต้องทำจนห้ามป่วย ห้ามพัก กันเลยทีเดียว
        
    กระแสการทำงานฟรีแลนซ์เริ่มมีมากขึ้น อาชีพที่เรามักได้ยินกันก็หลากหลาย เช่น ฟรีแลนซ์ถ่ายภาพ ฟรีแลนซ์เขียนโปรแกรม ฟรีแลนซ์ที่ปรึกษาธุรกิจ ฟรีแลนซ์วิทยากร ฯลฯ  แปลตรงตัวก็คือ ผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพนั้น ที่ผันตัวเองจากลูกจ้างบริษัท มาเป็นผู้รับจ้างอิสระ
         
เข้าสู่ยุคปัจจุบัน...คนGen. Y ปีสุดท้ายได้เข้าสู่ตลาดแรงงานกันหมดแล้ว 
และกำลังมีคนเจนเนอเรชั่นใหม่คือ Gen.Z (ปัจจุบันอายุช่วง 21 ปีลงมา) กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงานตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
          คนGen.Z ที่เกิดและเติบโตมากับเทคโนโลยี ความรวดเร็วฉับไว มีโทรศัพท์มือถือทุกครอบครัวตั้งแต่พวกเขาเกิดไม่นาน   และเป็นกลุ่มผู้ใช้ Social Media กลุ่มใหญ่มาก
คนGen Z ยิ่งต้องการความสำเร็จเร็วมากกว่าคนGen Y ซะอีก
          หากคนGen Y คือคนรุ่นใหม่ ที่นิยมลาออกจากงานประจำ มาเป็นฟรีแลนซ์คนGen.Z คือคนรุ่นใหม่กว่า ที่ไม่นิยม การเข้ามาเริ่มทำงานประจำเลยด้วยซ้ำ แต่จะมุ่งตรงไปที่การเป็นฟรีแลนซ์ รับจ้างทำงานเป็นชิ้นไปเลย ทีนี้ เกิดคำถามว่า จำนวนงานจะเพียงพอเลี้ยงตัวเองได้หรือ???  ในเมื่อประสบการณ์และอายุงานยังน้อยมาก คอนเนคชั่นในวงการ ก็ยังเพิ่งเริ่มต้นอาชีพฟรีแลนซ์ จะพอเลี้ยงตัวเองได้อย่างไร ???


          นี่จึงเป็นที่มาของการรับทำงานไม่ประจำ แบบจ๊อบ ทำเสร็จแล้วจบ แต่มีหลาย ชิ้นงาน    ในอเมริกาเรียกรูปแบบการทำงานนี้ว่า 'Gig Economy' คือ รับงานเป็นจ๊อบหลายจ๊อบ  ซึ่งแตกต่างจากฟรีแลนซ์ที่ทำงานอย่างเดียวเป็นแนวเชี่ยวชาญ
           ตัวอย่างของ Gig Economy เช่น...
            นายสมชาย คนGen. Z เพิ่งเรียนจบ อาจจะรับงานหลาย Gig โดยมีทั้ง ขายของใน IG (Instagram)ในช่วงเช้า    ช่วงกลางวันนัดพบลูกค้ามาเช่าบ้านตัวเอง ที่แบ่งพื้นที่ให้เช่าใน Airbnb และ ช่วงเย็นรับติวฟิสิกส์กลุ่มนักเรียน .ปลาย ทางออนไลน์
หรือ ช่วงเย็นของบางวัน ...อาจรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินำเที่ยว ชิมอาหารย่านเยาวราช ผ่านทางแอพ Take Me Tour
           นายสมชายจึงเป็นคนที่มีรายได้หลายทาง โดยงานทุกชิ้นมี 'อินเทอร์เน็ต' เป็นเครื่องมือสำคัญ
           เทรนด์นี้กำลังมาและจะทวีความสำคัญต่อคนรุ่นใหม่อย่างมาก
----------------------------------
          ถามว่าอะไรที่ทำให้คนรุ่นGen Y และ Z ทำแบบนี้ได้ ?

          การเกิด Gig Economy มีปัจจัยสำคัญดังนี้...
1. อินเทอร์เน็ต โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 3G 4G รวมทั้งเนตบ้าน ทำให้คนทำงานอยู่ที่ไหนก็ได้ เชื่อมต่อกับโลกได้ทุกที่ ทุกเวลา
2. แอพพลิเคชั่น พัฒนาการของโลกแอพ ไปไกลมาก โลกเรามีโซเชียลมีเดียที่ใช้กันทั้งโลกอย่าง Facebook, Twitter
 เรามีแอพแชร์ภาพชื่อดังอย่าง Instagram   เรามีแอพแชทสื่อสารอย่าง WhatsApp และ LINE และ กำลังมีแอพยุคใหม่ ที่เอื้อให้คนทำงานได้มากขึ้นอย่าง Grab TAXI, UBER, และ Airbnb
3. คนรุ่นใหม่ ผู้นำในโลกยุค 10 ปีข้างหน้า กำลังจะถูกขับเคลื่อนโดยคนGen Y และ Z
ซึ่งเป็นคนที่เติบโตมากับเทคโนโลยี และความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร และเป็นคนที่พร้อมรับอะไรใหม่ เต็มที่
          สิ่งที่ผลักดันคนGen Y และ Z ให้หันมาทำงานไม่ประจำ ทำหลายจ๊อบมากขึ้น
ผมคิดว่า  มีเรื่องมุมมองต่อความมั่นคงในงานที่ไม่เหมือนเดิม

       

พวกเขาสงสัยอย่างยิ่งว่า
        • เงินเดือน 15,000-18,000 บาท จะสร้างความมั่นคงในชีวิตได้อย่างไร ?
        • อัตราการขึ้นเงินเดือน 3-5% หรืออย่างเก่ง 10% จะสร้างความมั่นคงในชีวิตได้อย่างไร ?
        • การไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งบริหาร ใช้เวลาเป็น 10 ปีขึ้นไป พวกเขามองว่านั่นเป็นความเสี่ยงมหาศาล (คนรุ่นใหม่ทำงาน 1-2 ปีก็ถามหนัก ละว่าเมื่อไหร่จะได้เป็นผู้จัดการ)
----------------------------------
         ดังนั้น Gig Economy งานไม่ประจำ ทำหลายจ๊อบ จึงเป็นโอกาส เป็นความท้าทาย และเป็นทางเลือกที่คนรุ่นใหม่ต้องการ
         ...ตอบโจทย์ความเป็นผู้ประกอบการ 
         ...ตอบโจทย์ความท้าทายในชีวิตทำงาน 
         ...ตอบโจทย์ความเป็นเจ้านายตัวเอง 
         ...บริหารจัดการเวลาของตัวเองได้
         Gig Economy ยังเติมเต็มความต้องการเบื้องลึกอีกอย่าง1ของคนรุ่นใหม่ คือ 'การใช้ชีวิตไปด้วย ทำงานไปด้วย'   
         เพราะ  พวกเขาเห็นพ่อแม่ทำงานหนักเป็นลูกจ้างองค์กรมาทั้งชีวิต กว่าจะได้เที่ยวจริงจัง ก็วัยใกล้เกษียณเข้าไปแล้ว   ชีวิตทำงานจึงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่พวกเขาต้องการ
----------------------------------
          คำแนะนำ 3 ข้อของผม สำหรับคนGen Y และ Z ที่จะเข้าสู่ Gig Economy อย่างเต็มตัวในอนาคตอันใกล้นี้ คือ...
         1. จงสร้างบ่อน้ำไว้หลายบ่อ...สร้างความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย ความมั่นคงของชีวิต ไม่เคยมีอยู่ในงานเดียว
         2. จงเป็นเจ้านายตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ...งานฟรีแลนซ์ งานไม่ประจำทำหลายจ๊อบ ไม่มีเจ้านายมาสั่งเรา จึงจำเป็นที่ตัวเราต้องมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าและตัวเองอย่างสูงยิ่ง
         3. จงเป็นมนุษย์เกินร้อยด้วยความที่ต้องทำงานหลายจ๊อบ ทั้งหาลูกค้า หานายจ้าง หรือบางครั้งอาจจะทำงานประจำร่วมด้วย
        >>>** การเป็นมนุษย์เกิน 100% เหยียบเรือหลายแคม ต้องใช้พลังกายพลังใจสูง**
จริงอยู่ว่า  งานไม่ประจำทำหลายจ๊อบ อาจจะไม่เหมาะกับคนGen Y,Z ทุกคน ซึ่งก็ต้องดูจริต ดูจังหวะชีวิตของแต่ละคน
       >> ***แต่ผมมีความเชื่อลึก ว่า คนรุ่นใหม่ต้องการความยืดหยุ่น (Flexible) และความเป็นเจ้าของ (Ownership) **
----------------------------------
       งานลักษณะนี้...จึงน่าจะเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ทั่วโลก
ที่อเมริกา มีคนทำงานไม่ประจำทั้งประเทศ มากถึง 53.7 ล้านคน คิดเป็น 16.8% ของจำนวนประชากร...เยอะมากใช่เล่นครับ  
         ถึงขนาดที่เรื่อง Gig Economy เป็นประเด็นในการหาเสียง ของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างฮิลลารี่ คลินตัน  พูดถึงนโยบายการส่งเสริม Gig Economy ว่าจะทำอย่างไร   โดยใช้คำเรียกเศรษฐกิจยุคใหม่นี้ว่า Micro Entrepreneurship (ผู้ประกอบการขนาดจิ๋ว)
         งานไม่ประจำ ทำหลายจ๊อบ ...เทรนด์นี้มาแน่ ครับ

       สำหรับผมอยู่ช่วง Gan Y
       เรื่องที่เป็นเทรน มันเกิดแน่นอน ครับ  เด็กบางคนปี 1 ปี 2 รายได้หลัก 2 หมื่นขึ้น ย้ำว่าบางคนเท่านั้น เขาโตไวมาก เรียนรู้ไว มีทักษะทางไอที ภาษา การเข้าสังคม  สามารถเอาของลงขายหน้า facebook  iG โดยที่ไม่มีหน้าร้าน บางที่อาจจะไม่มีสต๊อกสินค้าด้วยซ้ำ 
ในขณะที่บางคนบอกว่า เงินน้อย งานขายของกิกก๊อก  ในขณะที่เราหัวเราะเด็กเขา  เคยถามตัวเองว่าจริงๆ คุณชอบสิ่งที่เป็นอยู่ไหม

ถ้าไม่ชอบ.......จะหาทางเปลี่ยนตอนนี้ หรือ ชาติหน้า เผื่อว่ามันมีจริง.......
             ผมเชื่อว่าทุกคน ไม่อยากจน แต่ถ้ารวยมันง่าย คงมีคนรวยเยอะโคตร ไม่ได้อยากเป็นลูกน้องแต่เจ้านายมันมีหลายคนไม่ได้
คุณจะ "เป็นได้แค่นี้ หรือแค่นั้น" มันขึ้นอยู่กับคุณ คือ (ตัวมึงอ่ะ) และสภาพแวดล้อม สังคม เพื่อน บรรยากาศ ทัศนคติ ถึงจะแตกแถว
โดนมุมปาก นั้นนี้ เรายังมีครอบครัว คนที่อยู่ข้างเราเสมอ วันที่ "เขาพยายามกลบฝังเราให้จมลงดิน โดยไม่รู้เสียเลยว่าเราคือ เมล็ดพันธ์ุ"

ออกไปลุยยยยยยย



เมื่อการทำงานประจำกำลังสูญพันธุ์  » งานที่ดี... ในสายตาคน 4 Generation  
» โดย อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง)
ภาพประกอบจาก Fb:Thada Buranavatana
www.pixabay.com, www.pixabay.com/aomsin
พูดคุยทักทายกันได้ที่ FB: Aom Adisorn Kromsri






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เริ่ม ถ่ายรูป (อยากถ่ายภาพ)

ทั่วไป

คำถามนี้ราคาแพงมากๆ