ทั่วไป
การแต่งงาน
1. Marriage (n) /ˈmarɪdʒ/ การแต่งงาน
2. Wedding cake (n) /ˈwɛdɪŋ keɪk / เค้กแต่งงาน
3. Honeymoon (n) /ˈhʌnɪmuːn/ การดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
4. Wedding ring (n) /ˈwɛdɪŋ rɪŋ / แหวนแต่งงาน
5. Bride (n) /brʌɪd/ เจ้าสาว
6. Groom (n) /ɡruːm/ เจ้าบ่าว
7. Bridesmaid (n) /ˈbrʌɪdzmeɪd/ เพื่อนเจ้าสาว
8. Proposal (n) /prəˈpəʊz(ə)l/ คำขอแต่งงาน
9. Engagement (n) /ɪnˈɡeɪdʒm(ə)nt/ การหมั้น
10. Wedding dress (n) /ˈwɛdɪŋ drɛs/ ชุดเจ้าสาว
เป็นแฟนกัน ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลา
มีแฟนไม่จำเป็นต้องสูญเสียความเป็นตัวเอง
ต่างคนต่างมีพื้นที่ มีโลก มีสังคม มีความเป็นส่วนตัว
เมื่อเวลาเราว่างตรงกัน เราก็มาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
มีแฟนไม่จำเป็นต้องสูญเสียความเป็นตัวเอง
ต่างคนต่างมีพื้นที่ มีโลก มีสังคม มีความเป็นส่วนตัว
เมื่อเวลาเราว่างตรงกัน เราก็มาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
ช่องว่าง เป็นสิ่งที่เราควรเว้นระยะไว้เสมอ
ใกล้แต่ไม่อึดอัด ห่างแต่ไม่เหิน
ใกล้แต่ไม่อึดอัด ห่างแต่ไม่เหิน
,,พาแฟนมาฟังเพลงในสวน
:)...
เราไม่คิดถึงเขาแล้ว เราคิดถึงแต่ทะเลลลลล
คบกันตอนนี้แถมโปรโมชั่นดีๆ เดินเที่ยวฟรี คริสต์มาสปีใหม่ด้วยฟรี
“เดี้ยนมีความสุขกับงานที่ทำอยู่มากๆ เลยค่ะ”
“งานแบบนี้คือกูชัดๆ”
“นี่คือสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันจะทำมาตั้งนานแล้ว”
นี่พอจะเป็นคำตอบสำหรับประโยค “ประสบความสำเร็จในชีวิต”
แล้วบัญชีธนาคารต้องมีกี่หลัก บนไหล่ต้องมีดาวกี่ดวง รถราต้องมีกี่คัน
ทั้งที่ความฝัน และคำว่าประสบความสำเร็จของเรานั้นไม่เหมือนกันเลย
หนังสือ : ลาวและนาย
……………………………………………………………………………………………
หลีกหนีจากเตียงนุ่มๆ ไปซุกหัวนอนอยู่ในเต้นแคบๆ
ที่ความเหน็บหนาวเข้ามาทักทายถึงข้างในเต้น (หาเรื่องแท้ๆ)
……………………………………………………………………………………………
เด็กเด็กในไร่มองเครื่องบินบนฟ้า
แล้วนึกฝันถึงที่ที่ไกลโพ้น แต่กลับกัน
นักเดินทางที่อยู่บนเครื่องบินนั้นกลับมองมายังไร่
แล้วคิดถึงบ้านของตัวเอง
.
Cr. Carl Burns
อ
ถ้า
เรากดดันตัวเองกันมากไปหรือเปล่า?
เราได้คุยกับนักธุรกิจในวงการการเงินมากหน้าหลายตา
ทุกคนไปถึงยอดเขาของสายอาชีพแล้วเป็นผู้บริหาร เป็นเจ้าของกิจการบางอย่าง
ทุกคนไปถึงยอดเขาของสายอาชีพแล้วเป็นผู้บริหาร เป็นเจ้าของกิจการบางอย่าง
เราบอกพวกเค้าว่าเราเครียด ไม่รู้ว่าควรไปทางไหนดี สับสน
รู้สึกหลงทาง
รู้สึกหลงทาง
ถ้าเป็นผู้ใหญ่หลายคนคงใช้โอกาสนี้เปรียบเทียบและพูดว่า
"โอ้ย ตอนสมัยรุ่นผมนะลำบากกว่าคุณอีก...."
"โอ้ย ตอนสมัยรุ่นผมนะลำบากกว่าคุณอีก...."
แต่ไม่เลย
สิ่งที่ทุกคนบอกเราคือ "คุณอายุแค่ยี่สิบกว่าเองนะ ทำไมคิดว่าชีวิตจบสิ้นแล้ว อย่าเพิ่งรีบกดดันตัวเองว่าต้องสำเร็จสิ"
สิ่งที่ทุกคนบอกเราคือ "คุณอายุแค่ยี่สิบกว่าเองนะ ทำไมคิดว่าชีวิตจบสิ้นแล้ว อย่าเพิ่งรีบกดดันตัวเองว่าต้องสำเร็จสิ"
พวกเขาพูดต่ออีกว่า
"คำว่าประสบความสำเร็จนี่มันเป็นกับดักนะ คุณต้องระวัง เพราะคุณได้ยินคำนี้บ่อยก็จริง แต่แต่ละคนตีความคำนี้ต่างกัน
บางคนแค่ได้มีเงินเก็บ กินอะไรที่อยากกินได้ คือสำเร็จ
บางคนคิดว่าความสำเร็จคือการไต่ไปให้ถึงตำแหน่งสูง มีเงินเดือนหกหลัก มีรถ คือสำเร็จ
แต่กับบางคนการได้มีครอบครัวอบอุ่น มีสายสัมพันธ์กับคนรอบตัว คือสำเร็จ"
"คำว่าประสบความสำเร็จนี่มันเป็นกับดักนะ คุณต้องระวัง เพราะคุณได้ยินคำนี้บ่อยก็จริง แต่แต่ละคนตีความคำนี้ต่างกัน
บางคนแค่ได้มีเงินเก็บ กินอะไรที่อยากกินได้ คือสำเร็จ
บางคนคิดว่าความสำเร็จคือการไต่ไปให้ถึงตำแหน่งสูง มีเงินเดือนหกหลัก มีรถ คือสำเร็จ
แต่กับบางคนการได้มีครอบครัวอบอุ่น มีสายสัมพันธ์กับคนรอบตัว คือสำเร็จ"
เค้าพูดแทงใจดำเด็กจบใหม่อย่างเราเพราะเค้าพูดถูก
เราเห็นเพื่อนเรียนต่อเลยอยากหาอะไรเรียนต่อบ้าง
เห็นเพื่อนมีงานทำเริ่มเช็คอินบริษัทเลยกดดันต้องหางานบ้าง
แต่เราไม่เคยหยุดถามตัวเองชัด ๆ เลยว่าเราต้องการทำอะไรกันแน่ ได้แต่ไหลไปตามกระแสของความกดดันของเด็กจบใหม่
เราเห็นเพื่อนเรียนต่อเลยอยากหาอะไรเรียนต่อบ้าง
เห็นเพื่อนมีงานทำเริ่มเช็คอินบริษัทเลยกดดันต้องหางานบ้าง
แต่เราไม่เคยหยุดถามตัวเองชัด ๆ เลยว่าเราต้องการทำอะไรกันแน่ ได้แต่ไหลไปตามกระแสของความกดดันของเด็กจบใหม่
"กลับบ้านวันนี้มีการบ้านให้คุณข้อนึง"
ไปนั่งคิดช้า ๆ ว่าชีวิตคุณต้องการอะไร?
อะไรที่คิดว่าถ้าทำแล้วชีวิตนี้มีความหมาย
ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใครนะ ตัดคนอื่นออกไป
ถามตัวเองเงียบๆ คนเดียว
อะไรที่คิดว่าถ้าทำแล้วชีวิตนี้มีความหมาย
ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใครนะ ตัดคนอื่นออกไป
ถามตัวเองเงียบๆ คนเดียว
"คุณรู้ไหมสิ่งที่คนแก่อย่างผมเสียดายที่สุดคืออะไร?"
มันคือการที่ผมเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
ทั้งที่ความฝัน และคำว่าประสบความสำเร็จของเรานั้นไม่เหมือนกันเลย เรามองไปที่ภูเขาคนละลูกแต่ผมกลับเขวและเสียเวลาปีนเขาลูกที่ไม่ได้อยากพิชิตอยู่ตั้งนาน"
ทั้งที่ความฝัน และคำว่าประสบความสำเร็จของเรานั้นไม่เหมือนกันเลย เรามองไปที่ภูเขาคนละลูกแต่ผมกลับเขวและเสียเวลาปีนเขาลูกที่ไม่ได้อยากพิชิตอยู่ตั้งนาน"
เราควรอยู่ในที่ๆตัวเองมีความสุข
หากคุณชอบทะเลให้ไปทะเลบ่อยๆ
หากคุณชอบภูเขาลองไปภูเขาบ่อยๆ
แล้วคุณจะได้เจอคนที่ชอบอะไร เหมือนกันๆ
ไม่ได้เป็นแฟน เป็นเพื่อนก็ยังดี อย่างน้อยก็ยังมีคนที่คุยกันสนุกได้ทั้งวัน
บ้าบอ อีผี !!!
002/365
'จะไปนอนแล้วนะ' in Eng Version
^_^
6 ประโยคสวยๆ ที่จะไปไว้พูดได้จริง
--------------------------------------
1) I''จะไปนอนแล้วนะ' in Eng Version
6 ประโยคสวยๆ ที่จะไปไว้พูดได้จริง
--------------------------------------
1) I''จะไปนอนแล้วนะ' in Eng Version
^_^
6 ประโยคสวยๆ ที่จะไปไว้พูดได้จริง
--------------------------------------
1) I'm off to bed.
....เราง่วงแล้วอ่ะ ไปนอนแล้วนะ
6 ประโยคสวยๆ ที่จะไปไว้พูดได้จริง
--------------------------------------
1) I'm off to bed.
....เราง่วงแล้วอ่ะ ไปนอนแล้วนะ
2) It's bedtime.
....ดึกแล้ว ได้เวลานอนแล้ว
....เราไปนอนละนะ
....ดึกแล้ว ได้เวลานอนแล้ว
....เราไปนอนละนะ
:)
3) I think I'll say good night now.
....แกฉันว่า...ฉันไม่ไหวแล้วว่ะ
....ไปนอนละนะ ฝันดีนะแก
....แกฉันว่า...ฉันไม่ไหวแล้วว่ะ
....ไปนอนละนะ ฝันดีนะแก
4) I'm going to sleep.
.....เห้ยแกฉันไปนอนละ
.....เห้ยแกฉันไปนอนละ
5) I'm going to bed.
....ตัวเองเค้าไปนอนแล้วนะ
....ตัวเองเค้าไปนอนแล้วนะ
6) I am going to sleep for an hour.
....เห้ยแก...ฉันไม่ไปวแล้วว่ะ
....ขอไปนอนก่อนสักชั่วโมงนึงนะ
เดี๋ยวมาใหม่m off to bed.
....เราง่วงแล้วอ่ะ ไปนอนแล้วนะ
....เราง่วงแล้วอ่ะ ไปนอนแล้วนะ
2) It's bedtime.
....ดึกแล้ว ได้เวลานอนแล้ว
....เราไปนอนละนะ
....ดึกแล้ว ได้เวลานอนแล้ว
....เราไปนอนละนะ
:)
3) I think I'll say good night now.
....แกฉันว่า...ฉันไม่ไหวแล้วว่ะ
....ไปนอนละนะ ฝันดีนะแก
....แกฉันว่า...ฉันไม่ไหวแล้วว่ะ
....ไปนอนละนะ ฝันดีนะแก
4) I'm going to sleep.
.....เห้ยแกฉันไปนอนละ
.....เห้ยแกฉันไปนอนละ
5) I'm going to bed.
....ตัวเองเค้าไปนอนแล้วนะ
....ตัวเองเค้าไปนอนแล้วนะ
6) I am going to sleep for an hour.
....เห้ยแก...ฉันไม่ไปวแล้วว่ะ
....ขอไปนอนก่อนสักชั่วโมงนึงนะ
เดี๋ยวมาใหม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น